สู่โลกอนาคต ระบบอัตโนมัติเตรียมรุกบ้าน

หน้าแรก บ้านอัตโนมัติ สมาร์ทโฮม สู่โลกอนาคต ระบบอัตโนมัติเตรียมรุกบ้าน

เข้าชม 1,778

ใหญ่ๆ อย่าง Home Automation หรือบ้านอัจฉริยะกันเลยดีกว่า

แนวคิดเรื่องบ้านอัตโนมัตินั้นมีมานานเป็นร้อยๆ ปีแล้วผ่านนิยายวิทยาศาสตร์ล้ำยุคเรื่องต่างๆ ก็สร้างความเพ้อฝันและแรงบันดาลใจให้นักประดิษฐ์จากทั่วโลกเรื่อยมา (ขนาดในการ์ตูนโดเรมอนก็มีเรื่องเกี่ยวกับบ้านอัตโนมัติมากมาย) จนเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมานี้เอง จากแนวคิด Remote Control พัฒนามาสู่ระบบบ้านที่ใช้สายไฟมากมายสั่งการในงาน World Fair ครั้งต่างๆ จนเมื่อมีการสร้างMicro Controller และระบบการสื่อสารไร้สายรูปแบบต่างๆ บ้านอัตโนมัติในฝันจึงเริ่มเป็นจริงเป็นจังและคนทั่วไปก็มีบ้านแบบนี้ได้ในศตวรรษที่ 21 ครับ

หุ่นยนต์ในบ้าน

พูดถึงหุ่นยนต์ ส่วนใหญ่ก็คงจะนึกถึงหุ่นรูปคนน่ารักๆ อย่าง ASIMO ของ Honda แต่จริงๆ แล้วหุ่นยนต์ที่ใช้ในบ้านตอนนี้จะมีรูปร่างให้เหมาะสมกับงานที่ทำ อย่างหุ่นยนต์สำหรับใช้ในบ้านจากบริษัท iRobot เช่นRoomba หุ่นยนต์กวาดพื้น, Braava หุ่นยนต์ถูพื้น และ Scoobaหุ่นยนต์ขัดพื้น จะมีลักษณะเป็นแผ่นกลมๆ แบนๆ เพื่อให้เคลื่อนที่คล่องตัวในบ้านและสามารถมุดเข้าไปทำความสะอาดใต้โต๊ะใต้ตู้ได้ ซึ่งเจ้า Roombaตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อปี 2002 ปัจจุบันขายได้แล้วร่วม 10 ล้านเครื่อง แล้วเมื่อราคาถูกลงเรื่อยๆ ในอนาคตหุ่นยนต์ที่ช่วยทำความสะอาดบ้านเหล่านี้ก็คงเหมือนเครื่องซักผ้าที่กลายเป็นของใช้ประจำบ้านไป

แล้วยังมีหุ่นยนต์แนวแปลกๆ ที่เข้ามาช่วยกิจกรรมในบ้านอีกมากมาย อย่าง Keecker หุ่นโปรเจ็คเตอร์ที่สามารถเคลื่อนที่นำภาพจากมือถือไปฉายได้ทั่วบ้าน หรือจะถ่ายภาพตรงหน้ามาทำ Video Call ด้วยไมโครโฟนและลำโพงในตัวก็ได้ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้เป็นระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านได้ด้วย

ระบบเซ็นเซอร์ในบ้าน (ควบคุมอุณหภูมิ และตรวจควัน)

Thermostat หรือเครื่องตัดไฟเมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด อาจจะไม่คุ้นเคยกับบ้านไทยมากนัก เพราะประเทศเรามีแต่ร้อน ร้อนมาก ไปจนถึงโค-ตะ-ระ-ร้อน แต่สำหรับบ้านเมืองฝรั่งที่แต่ละวันมีอุณหภูมิแตกต่างกันมากมาย การควบคุมอุณหภูมิในบ้านให้คงที่จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อคุณภาพชีวิต Nest Labs บริษัทที่ก่อตั้งโดยTony Fadell อดีตผู้บริหารของแอปเปิลและบิดาของ iPod ก็เห็นความสำคัญของเรื่องนี้จึงสร้าง Nest เครื่องควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะที่เรียนรู้ลักษณะการใช้ชีวิตของคนในบ้านได้ด้วยตัวเอง สามารถเปิด-ปิดแอร์และระบบทำความร้อนต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วสามารถควบคุมระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟนได้ จึงช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น หรือ Nest Protect เครื่องตรวจจับควันที่สามารถทำงานเป็นเครือข่ายของตัวเอง ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติในบ้าน อาจจะควันเยอะหรือก๊าซพิษเยอะ ก็สามารถแจ้งเตือนเป็นเป็นภาษามนุษย์ให้คนเข้าใจได้

ก็เพราะผลงานของ Nest Labs ที่ทำนั้นออกมาดี จึงไปเข้าตา Google ที่เมื่อปีที่แล้วกว้านซื้อบริษัทเกี่ยวกับหุ่นยนต์ร่วมครึ่งโหล ก็เลยซื้อ Nest ไปเสริมทัพด้วยมูลค่า 3,200 ล้านเหรียญ ในอนาคตลูกค้าของ Nest ก็น่าจะควบคุมระบบเซ็นเซอร์ของบ้านได้ผ่านระบบจากกูเกิล (ส่วนจะเอาเก็บข้อมูลการใช้ชีวิตของเราไปทำอะไรไหม ก็ต้องลุ้นกันอีกที) ซึ่งเมื่อดูจากเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ที่กูเกิลมีตอนนี้แล้ว สามารถบุกได้ทั้งตลาดในบ้าน ตลาดอุตสาหกรรม ไปจนถึงตลาดด้านการทหารเลยทีเดียว

นอกจาก Nest แล้วยังมีผลิตภัณฑ์อีกตัวที่น่าสนใจคือ Parrot Flower Power เซ็นเซอร์สำหรับคนรักต้นไม้ ที่แค่เอาไปเสียบในกระถางต้นไม้แสนรัก เลือกชนิดและสายพันธุ์จากแอพฯ Flower Power บนสมาร์ทโฟน ที่มีต้นไม้กว่า 7,000 ชนิดให้เลือก แล้วเซ็นเซอร์ก็จะตรวจสอบปริมาณน้ำ ปริมาณแสงแดด แร่ธาตุในดิน เพื่อจดบันทึกเป็นสถิติและแจ้งเตือนวิธีการดูแลรักษาต้นไม้ให้เรา เช่น ตอนนี้โดนแสงแดดมากเกินไปให้พาหลบแดดหน่อย หรือต้นไม้ขาดน้ำนะ ต้องรีบกลับไปรดน้ำด่วน หรือขาดแร่ธาตุอะไรในดินก็สามารถรายงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ ใส่ถ่านครั้งเดียว ใช้ได้นานกว่า 6 เดือนเลยทีเดียว ใครอยากได้ก็เริ่มมีขายในประเทศไทยแล้ว


Matt Rogers ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของ Nest

Larry Page ซีอีโอของ Google และ Tony Fadell ซีอีโอของ Nest


ศูนย์รวมการสั่งการในบ้าน

เทคโนโลยีหลายอย่างที่กล่าวถึงในครั้งนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะตั้งอยู่โดดๆ เรียกว่าถ้าเก่งก็เก่งอยู่ทางเดียว ไม่ได้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ฉลาดๆ ที่อยู่ในบ้านให้กลายเป็นระบบเดียวกัน คุยระหว่างกันรู้เรื่อง บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung จึงเริ่มต้นพัฒนา Smart Home มาตรฐานที่จะเชื่อมผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าของซัมซุงเข้าด้วยกัน ให้สั่งงานได้ผ่านอุปกรณ์ชิ้นเดียวอย่างสมาร์ทโฟน Galaxy หรือ Galaxy Gear เพื่อเปิด-ปิดแอร์ ไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ จากจุดใดก็ได้ ทั้งจากหน้าจอหรือการสั่งงานด้วยเสียง นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีกล้องติดอยู่ในตัวอย่างสมาร์ททีวีเพื่อเป็นกล้องวงจรปิดดูภาพจากนอกบ้าน สุดท้ายอุปกรณ์ต่างๆ ก็สามารถแจ้งเตือนเจ้าของบ้านเมื่อเกิดสิ่งผิดพลาดได้อีกด้วย (แต่เจ้าของก็ต้องติดต่อศูนย์บริการให้ซ่อมด้วยตัวเองนะ)Smart Home ของซัมซุงนั้นเพิ่งจะเริ่มต้น ความสามารถยังไม่เยอะ แถมใช้ได้แค่ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงเท่านั้น ลองมาดูศูนย์รวมการสั่งการในบ้านแบบกลางๆ ใช้ได้กับทุกค่ายกันบ้างอย่าง Ninja Sphere ที่เปลี่ยนอุปกรณ์อัจฉริยะรอบบ้านให้คุยด้วยภาษาเดียวกัน จนสามารถทำงานร่วมกันได้


แนวคิดหลักของ Ninja Sphere คือ ทุกวันนี้เรามีอุปกรณ์ฉลาดๆ อยู่ในบ้านและติดตัวมากมาย ทั้ง SmartPhone, SmartWatch, SmartTVและอีกหลายๆ สมาร์ท แต่อุปกรณ์ทั้งหมดล้วนทำงานเป็นอิสระต่อกัน ไม่มีระบบศูนย์กลางที่จะช่วยเชื่อมโยงให้ทำงานประสานกัน Ninja Sphere จึงเป็นเครือข่ายศูนย์กลางให้อุปกรณ์ทั้งหมดทำงานเชื่อมโยงกันผ่าน Wi-Fi, Bluetooth LE, USB หรือZeeBee (มาตรฐานการสื่อสารไร้สายอย่างหนึ่ง ใช้กับอุปกรณ์ในบ้าน) แต่ที่พูดมาทั้งหมดอาจจะยังไม่เห็นภาพ สิ่งที่ Ninja Sphere ทำได้เช่น


  • เตือนเมื่อเราออกจากบ้านแล้วยังไม่ได้ปิดไฟ หรือจะตั้งให้ Ninja Sphere ปิดอุปกรณ์ให้เองเลยก็ได้
  • ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่าน SmartPhone หรือ SmartWatch
  • เช็กตำแหน่งสัตว์เลี้ยงในบ้าน แล้วเตือนเมื่อมันวิ่งไปนอกบ้าน
  • หาตำแหน่งกระเป๋าเงิน หรือของสำคัญในบ้าน หรือจะเตือนเมื่อมีใครย้ายของสำคัญเหล่านั้นก็ได้
  • ควบคุมระดับแสงไฟในบ้านด้วยการโบกๆ หน้าเครื่อง Ninja (Gesture Control)
  • เตือนว่ามีคนโทรศัพท์เข้ามาผ่านหน้าจอ SmartTV

ความลับการทำงานของ Ninja Sphere คือ อุปกรณ์บริวารของมันอย่าง Waypoint ที่ติดตั้งไว้อย่างน้อย 2 จุดในบ้าน เพื่อสร้างสามเหลี่ยมของสัญญาณทำให้ Ninja Sphere ประเมินได้ว่าอุปกรณ์ชิ้นใดอยู่จุดไหนของบ้านได้บ้าง เช่น จะตรวจจับตำแหน่งสัตว์เลี้ยง เราก็เอาแท็กติดตัวสัตว์หรือของไว้ Ninja Sphere ก็จะจับตำแหน่งได้ แล้วก็ Power Socket ปลั้กไฟสำหรับควบคุมอุปกรณ์ที่ไม่สมาร์ท ให้ Ninja Socket สามารถควบคุมปิด-เปิดอุปกรณ์อย่างโคมไฟได้

ตอนนี้ Ninja Sphere สามารถใช้กับอุปกรณ์ได้หลากหลาย นอกจากสมาร์ทโฟนที่ลงแอปเสริมได้แล้วก็มีอย่างหลอดไฟ Philips Hue, Pebble, XBMC, BelkinWeMo (ปลั้กไฟที่ควบคุมด้วยสมาร์ทโฟน) และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เปิดให้พัฒนาเพิ่มเติมได้ ใครที่สนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้จาก www.ninjablocks.com ราคาทั้งชุดเริ่มต้นก็ประมาณ 14,000 บาท

อนาคตของบ้านอัจฉริยะนั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้ว อีกไม่กี่ปีบ้านสมัยใหม่ทั่วๆ ไปก็จะสามารถควบคุมรวมศูนย์จากจุดเดียวได้ รวมถึงคิดตัดสินใจจัดการเรื่องในบ้านได้ด้วยตัวเอง ก็ถือเป็นตลาดใหม่ที่น่าจับตาทั้งในแง่ผู้ผลิตและผู้ใช้เลยทีเดียว


ขอขอบคุณ: www.ecommerce-magazine.com